Posted in

📌 DPI คืออะไร? และวิธีคำนวณ DPI ที่เหมาะสมกับขนาดภาพ 🖼️✨

📌 DPI คืออะไร? และวิธีคำนวณ DPI ที่เหมาะสมกับขนาดภาพ 🖼️✨

🎯 DPI คืออะไร?

DPI (Dots Per Inch) 🖨️ คือค่าความละเอียดของภาพที่บอกว่ามี “จุดสี” (dots) กี่จุดต่อพื้นที่ 1 นิ้ว

  • ค่ายิ่งสูง → ภาพยิ่งคมชัด 📷
  • ค่ายิ่งต่ำ → ภาพอาจแตกหรือไม่ชัดเมื่อขยาย 🔍

📌 DPI ใช้ในกรณีใดบ้าง?
สำหรับงานพิมพ์ (Print) 🖨️ → ค่าต้องสูง เช่น 300 DPI ขึ้นไป เพื่อให้ภาพคมชัด
สำหรับจอแสดงผล (Screen) 💻 → ไม่ต้องใช้ค่าที่สูงมาก เช่น 72-96 DPI เพราะจอภาพใช้พิกเซล (ไม่ใช่จุดสี)


📏 วิธีคำนวณ DPI ที่เหมาะสมกับขนาดภาพ

💡 สูตรคำนวณ DPI = จำนวนพิกเซล ÷ ขนาดนิ้ว

📌 ตัวอย่าง 1: ต้องการพิมพ์ภาพขนาด 10 นิ้ว × 8 นิ้ว ที่ 300 DPI
👉 ต้องมีขนาดพิกเซลอย่างน้อย = (10 × 300) × (8 × 300) = 3000 × 2400 px

📌 ตัวอย่าง 2: มีภาพขนาด 1920 × 1080 px และต้องการทราบขนาดพิมพ์ที่ 300 DPI
👉 คำนวณขนาดนิ้ว = (1920 ÷ 300) × (1080 ÷ 300) = 6.4 × 3.6 นิ้ว
📌 ถ้าต้องการพิมพ์ใหญ่กว่านี้ → DPI จะลดลง → ภาพอาจแตกได้


📊 DPI ที่เหมาะสมกับงานแต่ละประเภท

ประเภทงานDPI ที่แนะนำ
📱 จอแสดงผล (เว็บ, โซเชียลมีเดีย)72-96 DPI
🖼️ ภาพพิมพ์ขนาดเล็ก (โปสเตอร์, นามบัตร)150-300 DPI
🖨️ งานพิมพ์ระดับมืออาชีพ (นิตยสาร, โบรชัวร์, หนังสือ)300-600 DPI
🎥 งานพิมพ์ขนาดใหญ่ (ไวนิล, แบนเนอร์, ป้ายโฆษณา)100-150 DPI (ดูไกล)
🖌️ งานศิลปะคุณภาพสูง (Fine Art, ภาพถ่ายโปร)600+ DPI

💡 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ DPI

🔹 เพิ่ม DPI โดยตรงไม่ได้ 🚫 – ถ้าภาพมี DPI ต่ำ การเพิ่มขึ้นด้วยซอฟต์แวร์อาจทำให้ภาพเบลอ
🔹 ขยายภาพให้ใหญ่ขึ้นต้องเพิ่มพิกเซลด้วย – เช่น ใช้ AI Upscaling หรือถ่ายภาพต้นฉบับให้มีความละเอียดสูง
🔹 DPI ไม่เกี่ยวกับไฟล์ดิจิทัล แต่สำคัญตอนพิมพ์ – ถ้าใช้ภาพบนเว็บหรือโซเชียล ค่า DPI ไม่สำคัญเท่า ขนาดพิกเซล

📢 เลือก DPI ให้เหมาะสมกับงาน เพื่อให้ได้คุณภาพที่ดีที่สุด! 🚀

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *